ดอกเจียรคาร์ไบด์ CHUOKU เหมาะสำหรับเจียงานทั่วไปที่เป็นโลหะ ไม้ที่มีความแข็ง เหล็ก เป็นต้นด้วยคุณสมบัติที่เป็นคารไบด์ทำให้มีความแข็ง ใช้แล้วทนทาน โดยลักษณะของดอกเจียคาร์ไบด์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของการใช้งาน เช่น ดอกเจียคาร์ไบด์หัวทรงกระบอก หัวทรงสามเหลี่ยม หัวทรงกลม
ดอกสว่านคาร์ไบด์คืออะไร
ดอกสว่านคาร์ไบด์ คือดอกสว่านที่ผลิตโดยใช้แร่ทังสเตนกับคาร์บอนผสมเข้าด้วยกัน จึงมีชื่อเรียกว่า ทังสเตนคาร์ไบด์ (WC) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า คาร์ไบด์ (Carbide) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความแข็งสูงกว่าดอกสว่านแบบไฮสปีด (HSS)
คาร์ไบด์กลายมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตเครื่องมือขึ้นรูปและตัดเฉือนโลหะในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมีคุณสมบัติทางกายภาพที่ทนทานต่อการสึกกร่อน การผิดรูปทรง กระจายความร้อนได้ดี และมีความเหนียวค่อนข้างสูง จึงทำให้คาร์ไบด์มีความแข็งแรงรองจากเพชร
ดอกสว่านคาร์ไบด์ เป็นดอกสว่านสำหรับเจาะรูที่มีความแข็งแรงสูง โดยถูกผลิตออกมาหลายรูปแบบตามการใช้งานโดยมีการออกแบบทั้งหน้าตัดดอกสว่าน ระยะห่างของร่องฟัน และการเคลือบผิวที่เหมาะสมต่อการนำไปใช้งาน
ประเภทของดอกสว่านคาร์ไบด์
- ดอกสว่านคาร์ไบด์ทั้งตัว (Solid carbide drill)
เป็นดอกสว่านที่มีความแข็งแกร่งและแม่นยำที่สุด โดยมีความคาดเคลื่อนอยู่ที่ไม่เกิน 50 ไม่ครอน และยังสามารถเพิ่มอัตราการป้อน (Feed) ได้ตามจำนวนฟันของดอกสว่านที่เลือกใช้ ซึ่งถ้าต้องการหน้าตัดของดอกสว่านชนิดนี้ขนาดใหญ่ขึ้น จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น
- ดอกสว่านแบบเปลี่ยนเฉพาะหัว (Indexable head drill)
ดอกสว่านชนิดนี้จะมีลักษณะเฉพาะคือ จะมีหัวดอกสว่านเป็นคาร์ไบด์ยึดกับด้ามที่เป็นเหล็กที่มีการจับยึดแบบต่างๆ ทำให้มีความแม่นยำและความแข็งแกร่งระดับปานกลาง
ดอกสว่านแบบเปลี่ยนหัวจะมีค่าความคลาดเคลื่อนทั่วไปประมาณ 50 – 100 ไมครอน และสามารถใช้อัตราป้อนได้ตามจำนวนฟันของดอกสว่านได้เช่นเดียวกับดอกสว่านคาร์ไบด์ทั้งตัว แต่ต้นทุนเมื่อต้องการเพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของดอกสว่านชนิดนี้จะประหยัดกว่าดอกสว่านคาร์ไบด์ทั้งตัว
- ดอกสว่านแบบเปลี่ยนเม็ดมีด (Indexable insert drill)
ดอกสว่านชนิดนี้จะมีเม็ดมีด 2 เม็ดติดกับด้ามที่เป็นเหล็ก โดยเม็ดที่ติดอยู่ตรงกลางจะมีหน้าที่จิกชิ้นงานที่จุดศูนย์กลาง และอีกหนึ่งเม็ดจะควบคุมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้านนอกของด้ามเหล็ก
รู้ได้อย่างไรว่า ดอกสว่านคาร์ไบด์เหมาะสมกับรูที่เจาะ
ดอกสว่านคาร์ไบด์ที่เหมาะสมกับงานเจาะนั้น เมื่อทำการเจาะรูลงบนวัสดุที่ต้องการแล้ว รูที่ถูกเจาะจะต้องค่อยๆ ขยายออกไปเมื่อดอกสว่านกำลังทำการเจาะอยู่ ในทางตรงกันข้ามถ้ารูที่ถูกเจาะไม่ได้ขยายออกไปตามการถูกเจาะรู นั่นหมายถึงดอกสว่านนั้นไม่เหมาะกับการเจาะวัสดุนั้น ซึ่งอาจส่งผลให้ดอกสว่านที่ทำงานอยู่แตกหักง่าย ตามภาพที่แสดงด้านล่าง
เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพของดอกสว่านคาร์ไบด์
- ตรวจสอบการทำงานของแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ (Machining Center) ให้ดี
ดอกสว่านคาร์ไบด์สามารถทำงานได้ด้วยการควบคุมของแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ จึงควรตรวจสอบการทำงานของเครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการหมุนของเพลา และความดันของสารหล่อเย็น เพื่อให้เครื่องจักรสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ระบบจับยึด หรือหัวจับดอกสว่าน (Holding System)
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือระบบการจับยึดระหว่างแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ กับดอกสว่านคาร์ไบด์ ซึ่งควรเป็นตัวจับแบบไฮดรอลิก (Hydraulic) หรือ ตัวจับแบบหดตัว (Shrink Fit) สำหรับการจับยึดที่แข็งแรง
- ความดันของน้ำยาหล่อเย็น (Coolant Pressure)
การเลือกใช้งานสารหล่อเย็นที่มีคุณภาพดีช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้อย่างน้อย 60% ดังนั้นการเลือกใช้สารหล่อเย็นที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมกับเครื่องจักร รวมถึงมีความดันที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของดอกสว่านคาร์ไบด์ได้
- อุปกรณ์จับยึดชึ้นงาน (Fixture)
อุปกรณ์จับยึดชิ้นงานควรเป็นแบบไฮดรอลิก (Hydraulic) ควรหลีกเลี่ยงอุปกรณ์จับยึดชิ้นงานที่เป็นแบบใช้งานด้วยมือ (Manual) เนื่องจากจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของดอกสว่านคาร์ไบด์ได้ลดลง และยังทำให้ชิ้นงานที่ออกมามีคุณภาพลดลงเช่นกัน